รีวิว Blood Red Sky 2021

รีวิว Blood Red Sky 2021

รีวิว Blood Red Sky 2021

รีวิว Blood Red Sky 2021 เล่าเรื่องราวของ ท้องนาเดีย กับ เอลิอัส แม่ลูกที่กำลังตกลงใจออกเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากเธอป่วยด้วยโรคสุดแปลกที่ต้องหาแนวทางเข้ารับการดูแลรักษาและก็ยั้งยับอาการไม่ใช่แพร่กระจาย แต่ว่าระหว่างที่ทั้งสองขึ้นรถอยู่บนเรือบินที่พึ่งทะยานออกมาจากท่าอากาศยานไปได้ไม่นาน ปรากฏว่ามีกลุ่มผู้ก่อให้เกิดเหตุร้ายได้บากบั่นจี้เรือบิน และเตรียมหันหัวเครื่องมุ่งตรงไปที่ใจกลางกรุงลอนดอน เพื่อก่อเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่แต่เหตุการณ์บนเครื่องบินไม่ได้เข้าข้างกลุ่มผู้ก่อให้เกิดเหตุร้ายแต่อย่างใด เมื่อพวกเขาได้ก่อเหตุผิดพลาดอย่างมหันต์ ทำให้หญิงที่เต็มด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่ได้ตัดสินใจเผยตัวตนที่จริงจริงของตัวคุณออกมา Blood Red Sky 2021 เพื่อที่จะปกป้องรักษาลูกชายในรอดปลอดภัยจากเหตุระทึกเหนือน่านน้ำมหาสมุทรแอตแลนติกแทบ 4 หมื่นฟุต ที่จังหวะรอดเหลือน้อยนิดตามเวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆดังที่พูดว่านี่คือหนังจากเยอรมันที่มีกลุ่มผู้ผลิตและก็นักแสดงเขตแดนที่พวกเรามิได้เคยชิน ผลงานของผู้กำกับ “ปีเตอร์ ธอร์วอร์ธ” ที่รับหน้าที่ร่วมเขียนบทหนังกับ “สเตฟาน โฮลซ์” โดยที่ภาพรวมในส่วนคอนเซ็ปต์ของหนังทำออกมาได้ค่อนข้างจะพอได้ แม้ว่าจะหาอะไรที่แปลกใหม่มิได้เลยก็ตาม เนื่องจากว่าหนังใช้สูตรสำเร็จเดิมๆที่เคยมีมาจากหนังแอคชั่นสยองขวัญแนวนี้มายำรวมอยู่ทั้งผองแล้ว Nobody คือหนังที่ซึ่งพูดได้ว่าซื้อผมได้ตั้งแต่ปล่อยตัวอย่างแรก มีทุกองค์ประกอบความน่าดู ความกวนตีน ฉากแอ็คชัน คาแรคเตอร์ เป็นดูแค่แบบอย่างคิดเลยว่าหนังแม่งจำต้องบันเทิงใจแน่นอนและมันก็โคตรสนุกสนานอย่างที่คาดจริงๆยิ่งชื่อของผู้กำกับแล้วก็นักเขียนบทยิ่งต้องการจะควักตังไปดูบัดเดี๋ยวนั้น หนังประเด็นนี้เป็นผลงานการควบคุมของ Ilya Naishuller ที่เคยฝากผลงานแอ็คชันเดือดๆมาแล้วใน Hardcore Henry รวมทั้งได้มือเขียนบทอย่าง Derek Kolstad ที่เคยเขียนบทให้ John Wickหนังบอกเล่าเรื่องราวของ “Nobody” คนธรรมดา ชายผู้รักครอบครัว มีภรรยา มีลูกชายลูกสาวที่สวย แต่อยู่มาวันหนึ่งดันเกิดเหตุไม่คาดคิด มีมิจฉาชีพมาชิงทรัพย์บ้าน มันเริ่มทำให้เขาอยากปล่อยตัวตนที่จริงจริงในสมัยก่อนออกมา และเขาดันเลือกไปปลดปล่อยกับลูกมาเฟียรัสเซียตัวเป้ง ความสนุกสนานร่าเริง ความดิบ ความเดือดของคนเดินดินก็เลยเริ่มขึ้นดารานำชายโคตรหรู กับการแสดงของ Bob Odenkirk ไม่มีที่ติเตียนจริงๆทุกการพูด ทุกการเคลื่อนไหว ยิ่งฉากแอ็คชันนี่เท่มาก โคตรดิบ โคตรดุ ฉากแอ็คชันไม่มีที่ติทุกฉาก ยิ่งฉากบนรถเมล์ในตัวอย่างแม่งเท่มากกกกกกกก ซึ่งทุกฉากแอ็คชันมันมองไม่เวอร์เหนือมนุษย์เกินไป มีการเจ็บ มีโดนบ้าง มันยิ่งทำให้หนังดูดิบดูจริง รวมทั้งยิ่งลุ้นไปกับการสู้ทุกหนของผู้แสดงนำชาย รวมทั้งไอ้จุดนี้แหละที่ทำให้หนังโคตรมันหนังมีส่วนผสมของหนังหลายเรื่อง แน่ล่ะ มีความเป็น John Wick แถมยังมีความเป็น Red, Equalizer รวมทั้ง Home Alone จับมาเขย่าๆกันจนถึงกลายเป็นหัวข้อนี้เนี่ยแหละทางด้านเนื้อเรื่องนับว่าทำออกมาเจริญเลย เล่าเรื่องบันเทิงใจ ดำเนินเรื่องได้น่าสนใจ ไม่มีเบื่อ หากแม้ระยะแรกจะปูเรื่องเยอะไปนิด แม้กระนั้นขอบอกว่าไม่เกินอึดใจความเดือดทะลุปรอทก็เริ่มขึ้น ต่อไปความสนุกสนานแบบเต็มดูดจ้าาาส่วนดนตรีประกอบจำเป็นต้องบอกเลยว่าเข้ามาก เหมาะสมทุกฉาก ยิ่งช่วงแอ็คชันช่วงท้าย ไม่มีเพลงไหนเข้าไปกว่านี้อีกละ สรุป Nobody คือหนังที่มีค่าแก่การดูมากมาย เป็นหนังที่มีทั้งความเท่ ความดิบ แอ็คชันมันๆมีความขำขัน เอาเป็นว่าบันเทิงแน่นอน ผ่านไป 4 เดือน นี่คือหนังที่ถูกใจที่สุดในเวลานี้แล้ว

กระนั้นหนังก็ยังอุตส่าห์มีจุดให้ขัดใจรายทางอยู่บ้างทั้งความเป็นเจ้าหนูจำไมของ เอเลียส

ที่ถึงแม้หน้าตาของ คาร์ล แอนทัน คอช จะทำให้บรรดาแม่ยกเอ็นดูแค่ไหนก็ตามทีบทที่เจ้าหนูมันจะหาเรื่องให้แม่มันตกระกำลำบากนี่ก็น่าโบกอยู่หลายทีไม่น้อยเลย รวมถึงการตัดสินใจของนางเองในบางช่วงก็ชักชวนอิหยังวะอยู่บ้างแต่ในภาพรวมหาคุณอยากได้หาหนังสนุกสนานสักเรื่องที่มีครบอีกทั้งแวมไพร์ที่ใช้ตรรกะแบบซอมบี้  มีฉากปล้นเครื่องบินสุดระทึก มีัฆาตกรต่อเนื่อง ครบเครื่องอีกทั้งความทารุณและความระทึกเชื่อว่า ‘Blood Red Sky’ ยังไงก็ตอบปัญหาขอรับ SEOBOK บอกเล่าเรื่องราวของมนุษย์โคลนนิ่งที่ชื่อว่า ซอบก ตัวทดลองที่ผลิตขึ้นเพื่อความเป็นอมตะของผู้คน แต่แล้วผู้ที่ยุ่งเกี่ยวกับแผนการนี้ก็เริ่มโดนจู่โจม ทำให้จำเป็นต้องพาซอบกไปยังที่ปลอดภัย ภารกิจนี้จึงตกไปอยู่ในมือของกีฮอน เขาจำต้องพยายามปกป้องซอบกด้วยชีวิตจากแบบอย่างน่าจะเดาได้ไม่ยากว่าหนังย้ำขายนักแสดงอย่าง กงยู รวมทั้งพัคโบกอม เพราะหนังหัวข้อนี้ไม่มีนางเอกก็เลยทำให้จุดโฟกัสหลักไปอยู่ลำดับที่สองผู้แสดงนำฝ่ายชายอย่างเต็มที่ ซึ่งต้องบอกว่าทั้งคู่เคมีเข้ากันได้ดีมากถึงสูงที่สุด คนใดกันแน่แฟนๆคนไหนกันแน่มีช็อตให้กรี๊ดแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นความดุ ความดิบ ความหล่อเท่ของกงยู หรือความเด็กน้อยขี้สงสัยอ่อนต่อโลก แสนจะน่ารักของพัคโกบอมก็คงจะคว้าดวงใจคนอีกหลายๆคนได้ (และก็อาจเพิ่มพลังจิ้นด้วยด้วยเหมือนกัน)แต่ว่าถึงแม้สองตัวละครหลักจะดีเพียงใด นักแสดงที่เหลือนี่พูดได้ว่าตัวประกอบจริงๆไร้มิติ ไม่น่าสนใจ และแปลงเป็นไม่น่าสนใจไปซะแบบงั้นทางด้านเรื่องราว หากคนใดคาดหมายว่าจะได้ดูหนังไซไฟ แอ็คชัน พลังเหนือมนุษย์อาจจะจะต้องผิดหวังสักหน่อย ด้วยเหตุว่าเนื้อเรื่องส่วนใหญ่เป็นการสนทนาการของสองผู้แสดงหลัก ถึงปรัชญาชีวิต การตามกล่าวโทษหมายของชีวิต ชีวิตเป็นอย่างไรทำนองนั้น แม้กระนั้นไม่ใช่ว่ามันไม่มีฉากแอ็คชันนะ มีแต่ว่าน้อย มีในตอนต้นๆเรื่องกับท้ายเรื่อง ซึ่งทั้งคู่ฉากนั้นก็นับว่าทำเป็นดีเลยค่ะ (ช่วงท้ายนี่จริงๆ หรู!)และก็ด้วยความที่หนังเน้นย้ำเรื่องการตามหาความหมายของชีวิตมันจึงกลายเป็นหนังที่ออกจะเนือย เนิบ แล้วก็เบาไปสักนิดสักหน่อย สารภาพเลยว่าหลายๆฉากน่ารำคาญอยู่เช่นกัน รวมทั้งหลายๆฉากก็ยังงงเต็กๆด้วยเหมือนกัน ภาพรวมมันไม่มีอะไรเท่าใด ทั้งยังเรื่องพวกเราจะได้มองเห็นสองผู้แสดงเปลี่ยนกันพูดถึงหลักสำคัญเหล่านี้ มันก็เลยทำให้เราไม่อินกับสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังเท่าไหร่ แต่ก็มีคำบอกเล่าหลายๆอย่างที่คมและทำให้เราฉุกคิดอยู่เยอะแบบเดียวกันจริงๆหนังสามารถใส่อะไรเข้าไปได้มากมายเลยจ๊ะ ไม่ว่าจะเป็นแอ็คชันการป้องกันตัวทดลองของกงยู หรือการพบเจอโลกหนแรกของพัคโบกอม และยังรวมไปถึงฉากดราม่าก็ขยี้ได้อีกมาก แต่หนังดันไปเล่นบทเสวนาที่วนไปวนมาอย่างโชคร้ายแล้วก็เสียของสรุปแล้ว SEOBOK เป็นหนังปรัชญาที่ตามหาความหมายของชีวิต เดินเรื่องด้วยการพูดคุยของสองตัวละครหลัก ถ้าเกิดผู้ใดกันแน่เป็นแฟนคลับของ กงยู และก็ พัคโบกอม ก็ไม่น่าจะผิดหวังสักเท่าไหร่ เพียงแค่ได้เห็นเคมีของทั้งคู่ก็เป็นที่น่าพอใจแล้วล่ะ การที่หนังพากเพียรหอบเอาเงื่อนนั้นรวมทั้งหัวข้อนี้มากองๆไว้เยอะไปหมด กลายเป็นความเยิ่นเย้อรวมทั้งขาดความกระชับในตัวหนังอยู่ไม่เบา หนังมีอีกทั้งหลักสำคัญความเกี่ยวข้องระหว่างแม่ลูก ปมภูมิหลังของความประพฤติลึกลับ แล้วก็ไหนจะยังใส่การก่อให้เกิดเหตุร้ายเข้ามาอีก ทำให้หนังไม่บางทีอาจที่จะพรีเซ็นท์และก็เล่าเรื่องได้อย่างน่าละลานตาเพียงพอ ทำได้แค่เพียงไล่เรียงประเด็นต่างๆไปตามลำดับขึ้นแบบไม่ค่อยมีท่วงทีเรียกความน่าสนใจเยอะแค่ไหนแม้กระนั้นก็จำต้องสารภาพว่า หนังสามารถขับเสน่ห์ผู้แสดงสำคัญๆของเรื่องออกมาเจริญ รีวิว Blood Red Sky 2021 หลายตัวละครดูกระปรี้กระเปร่าและก็มีมิติอย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น “เปรี่ ค่อยไมสเตอร์” ที่รับบทบาทออกจะหนักในหัวข้อนี้ แต่ว่าเธอก็แบกรับมันเอาไว้เจริญ และการแสดงของเธอก็จัดว่าน่าพอใจ โดยยิ่งไปกว่านั้นกับซีนอารมณ์ต่างๆที่ทำได้ค่อนข้างจะใช้ได้อยู่ในช่วงเวลาที่ผู้แสดงที่รับบทบาทโดย “อเล็กซานเดอร์ เชียร์” เปลี่ยนเป็นวายร้ายที่น่าสนใจดี เป็นผู้ก่อเหตุร้ายที่บทที่ชั้นเชิงดีมากยิ่งกว่าตัวอื่นๆมีลูกเล่นเยอะแยะให้เขาได้เล่น และเขาก็ถ่ายทอดมันออกมาก้าวหน้า แม้ว่าจะยังขาดเหตุผลในบทหนังอยู่มากก็ตาม แต่ว่าจัดได้ว่าเขาเปลี่ยนเป็นตัวขโมยซีนในสายตาผู้ชม ไปตั้งแต่ฉากแรกที่ปรากฏตัว

Mortal Kombat เป็นหนังที่ดัดแปลงแก้ไขมาจากเกมมีชื่อเสียง

ซึ่งนี่ถือว่าเป็นครั้งที่ 3 ที่ได้ถูกปรับเปลี่ยนมา โดยทั้ง 2 เรื่องก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาประสบความล้มเหลวเยอะแค่ไหน ทั้งแฟนเกมและไม่ใช่แฟนเกมต่างก็ไม่โอเคกับทั้งยัง 2 เรื่องก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา นี่จึงเป็นช่องทางแก้ตัวอีกทีสำหรับแฟรนไชส์นี้ต้องออกสตาร์ทก่อนว่าไม่ใช่แฟนเกมนี้เลย ในหัวสมองจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเล่นเกมนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แม้กระนั้นก็เพียงพอรู้จักตัวละครเด่นๆบ้าง อย่างพวก Scorpion หรือ Sub-Zero เพียงพอจำได้แต่เพียงว่ามันคือเกมต่อสู้ชั่วร้ายๆมีกิมมิคการ Fatality ในเกมอะไรทำนองนั้น ดังนั้นเราก็เลยไม่อาจจะกล่าวได้ว่ามันต่างหรือราวกับเกมขนาดนั้น จะขอรีวิวในฐานะผู้ชมหนังคนนึงแค่นั้น Mortal Kombat ในหัวข้อนี้บอกเล่าเรื่องราวหลักๆ เป็นการที่ฝั่ง Earthrealm จะต้องรวบรวมนักสู้ที่มีปานรูปมังกรเพื่อฝึกหัดจัดแจงต่อสู้กับนักสู้จาก Outworld ที่ถ้าแพ้ในครั้งนี้จะเสียโลกมนุษย์ให้กับ Outworld ไป แต่ฝั่งร้ายอย่าง Outworld กลับเล่นไม่ซื่อ ถึงแม้ว่ายังไม่เริ่มแข่งก็ส่งเหล่านักสู้ฝั่งตัวเองมาไล่ฆ่านักสู้ฝั่ง Earthrealm ทำให้ทั้งสองจำต้องปะทะกันก่อนจะมีการแข่งขันครั้งยิ่งใหญ่จุดเด่นของหนังอย่างที่จั่วหัวไปเลย มันเป็นฉากแอ็คชันมันดี แต่ว่าไม่ใช่ทุกฉากจะดี หนังมีฉากแอ็คชันไม่เยอะไม่น้อยไป มีความโหดร้ายทารุณที่แฟนเกมคงจะตั้งหน้าตั้งตารอคอย ย้ำอีกทีว่าไม่เคยทราบแบบเดียวกันแต่ละท่าโหดๆที่นักแสดงใช้มันเอามาจากในเกมหรือไม่ แต่ฉากพวกนั้นทำเป็นดีเลยแหละ มีหลายฉากที่ให้ความรู้ความเข้าใจสึกแบบ “เหยดดดด โก้เก๋ว่ะ” อะไรทำนองนั้น แต่ว่าการตัดต่อฉากต่อสู้หลายๆครั้งยังให้ความรู้ความเข้าใจสึก “แปลก” ทะแม่งอย่างไรไม่รู้เรื่อง ภาพรวมมันทำเป็นดีนะ แต่ฉากต่อสู้บางโอกาสมีการใช้มุมกล้องกว้างแล้วมันจึงกลายเป็นดูถูกไปเลย บางซีนก็แอ็คชันกันแปลกๆยังไงก็ไม่รู้จัก CG ดีบ้าง ไม่ดีบ้างคละเคล้ากันไป แต่ว่าอย่างที่บอกในภาพรวมมันดูดีนะ ถ้าหากใส่เอฟเฟค ตัดต่อ ถ่ายมุมกล้องถ่ายภาพดีๆมันจะออกมาดีมาก เอาเป็นว่าภาพรวมของฉากแอ็คชันตอบโจทย์ละกันทางด้านเรื่องราวทำได้ไม่ค่อยดีเลย บทมันมี แม้กระนั้นไม่ค่อยดีเท่าใดนะ มันไม่มีอะไรน่าจดจำ รีวิว Blood Red Sky 2021 ยืดในส่วนที่ไม่สมควรยืด รีบในส่วนที่ควรจะใช้เวลากับมันมากยิ่งกว่านี้ ขั้นแรกปูซะน่าระอา ช่วงท้ายก็หาทางลงง่ายอย่างมาก มีการปูเรื่่องราวผู้แสดงนำ ส่วนอีกหลายต่อละครก็มิได้กล่าวถึงความเป็นมาสักเท่าไหร่ มันจึงมีหลายซีนที่ตัวร้ายปะทะกับตัวนำแล้วพล่ามเรื่องในอดีตให้เชื้อเชิญงง เออเมื่อเอ่ยถึงการพล่ามแล้ว หนังเรื่องนี้บทสำหรับพูดจำนวนมาก สะเปะสะปะ เปรอะเปื้อนมาก พวกเราจะมองเห็นตัวร้ายกับตัวนำพูดอะไรกันไม่เคยรู้จำนวนมากไปหมด มันก็เลยกลายเป็นส่วนอื่นๆที่ไม่ใช่ฉากแอ็คชันน่าระอาชักชวนหาวไปซะหมดเลย และก็ราวกับหนังจะรู้ตัวนะ เพราะว่ามีหลายทีที่จู่ๆก็โยนเข้าฉากแอ็คชันซะเลยผู้แสดงทุกตัว ไร้ซึ่งเสน่ห์อะไรให้น่าจำ ผ่านมา ผ่านไป บทแต่ละตัวก็มองเชยรวมทั้งไม่มีมิติมากมาย ไม่มีนักแสดงไหนให้น่าเอาใจช่วยเลยสักหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้แสดงนำชาย บอกตรงๆราวกับเป็นส่วนเกินของเรื่องราว เป็นตัวละครที่ดูด้อยและน่ารำคาญที่สุดในเรื่องละ โคตรไม่มีมิติเลย ผู้แสดงแบนมากมาย เอาเวลาไปให้ตัวอื่นคงจะดีกว่านี้ เว้นเสียแต่ใบหน้าอันหล่อเหลาเช่นเดียวกันกับนายแบบ พวกเราเกือบจะมิได้เห็นความชำนาญการแสดงใดๆของเขาเลย ยิ่งบทของตัวนี้ยิ่งแบบไร้เสน่ห์ อิหยังวะแบบสุดๆจริงๆมีตัวละครนึงที่เหมือนจะทำเป็นดีนะ คือ Kano ความกวนตีนของผู้แสดงนี้ทำให้หนังไม่น่าเบื่อดีสรุป Mortal Kombat ให้อารมณ์เหมือน Godzilla vs. Kong ที่มีฉากแอ็คชันดี แต่ว่าเรื่องราวอย่าไปสนอะไรมันเลย มันมีความไม่สมเหตุสมผลหลายจุด น่าเบื่อ ไม่น่าจดจำ และก็ภาพรวมหลายๆฉากบางครั้งบางคราวเชื้อเชิญให้นึกถึงหนังแอ็คชันเกรดบียังไงยังงั้นเสียด้วยสิ กลับสู่หน้าหลัก https://printcalendartemplates.com/