ดู Blood Red Sky 2021

ดู Blood Red Sky 2021

ดู Blood Red Sky 2021

ดู Blood Red Sky 2021 เมื่อบทของพวกเหล่าโจรสร้างมาโหดเหี้ยมได้สมจริง ส่วนของแวมไพร์ก็จำเป็นต้องยิ่งโหดเหี้ยมกว่า เพราะนี่เป็นเมนหลักของประเด็นนี้ที่เป็นแถวสยองขวัญเลือดสาด แม้กระนั้นหนังประเด็นนี้เลือกวางตัวเองเป็นแนวครึ่งสยองขวัญผสมดราม่า (แม้ว่าจะเลือดสาดมากมายตลอดเรื่อง) ให้แม่ของเด็กในเรื่องยอมเผยตัวเองว่าเป็นแวมไพร์ต่อสู้กับขโมยเพื่อปกป้องรักษาลูก ไม่ใช่คุ้มครองชีวิตผู้โดยสารอีกทั้งลำ รวมทั้งเลือกวิธีเอาชีวิตรอดแบบที่ดูเห็นแก่ตัวบ้าง แต่ว่าก็เพื่อลูกรอดเป็นสิ่งจำเป็นแรกสุดมากกว่าชีวิตตัวเอง ซึ่งถือว่าบทเขียนมาดีมากมายในมุมที่สมเหตุผลกับเหตุการณ์ตัดสินชีวิตแบบนั้น โดยมีการตัดสลับย้อนกลับไปยังแหล่งกำเนิดความเป็นแวมไพร์ของเธอในระหว่างที่จัดการพวกมิจฉาชีพด้วยเป็นช่วงๆเข้ากับเหตุในปัจุบันที่เธอกำลังเจออยู่ด้วย ทำให้มีเรื่องราวเล่านอกเครื่องบินมาช่วยเสริมรายละเอียดให้แน่นขึ้น รีวิว Blood Red Sky 2021 โดยยังคงเนื้อหาแทบทุกอย่างของแวมไพร์แบบเริ่มแรกไว้หมด และก็ปรับแก้ให้มองนำสมัยเข้ากับเรื่องราวในหนัง ตั้งแต่ต้นเกิดว่าคนไหนทำให้เธอเปลี่ยนมาเป็นแวมไพร์ แนวทางฆ่าแวมไพร์ที่ยังคงเดิมตรงโดนของแหลมปักหัวใจถึงตาย การแพ้แสงอาทิตย์ ที่ใส่เรื่องปรับใช้ไฟฉายแสงสว่างอุลต้าไวโอเลตเข้ามาแทนได้อย่างมีเหตุมีผล การที่นางเอกเลือกเดินทางช่วงกลางคืนช้านานจากเยอรมันไปอเมริกาเพื่อหลบแดด ตัวเรื่องก็เอาจุดนี้มาเป็นไฮไลท์สำคัญหัวข้อการบินในโซนในขณะที่มืดเสมอได้ตลอดเรื่องด้วย คล้ายๆซีรีส์ Into the Night ของ Netflix และก็เป็นจุดเปิดเรื่องกับจุดจบท้ายเรื่องที่แดดมีความหมายกับความเป็นความตายของนักแสดงในเรื่องทั้งผองด้วย ซึ่งทำออกมาได้ลุ้นระทึกมากมายจนนาทีในที่สุดของเรื่องเลย แม้กระนั้นแอบเสียดายนิดหน่อยว่าหนังสามารถทำต่อหรือทิ้งเชื้อไว้ต่อได้อีก กลับเลือกจบสมบูรณ์ในตัวเลยกระทั่งน่าเสียดายนิดๆ หลังมองจบ จำเป็นต้องขอแยกเป็น 2 ส่วนครับผมคือ 1 ส่วนที่ถูกใจ อาจจะหนีไม่พ้นพาร์ทของตัวประหลาด ที่มีแอร์ไทม์ออกจะเยอะ และฉากปะทะกันที่ยาวสะใจมาก ฉากต่อสู้ต่างๆไม่มืดแล้ว มุมกล้องถ่ายภาพที่ส่วนมากใช้มุมกล้องแบบ Human Eye View ทำให้สัตว์ยักษ์มองตระการตาขึ้นไปอีก เหมือนได้มอง Pacific Rim ภาคแรกเลยก็ว่าได้ รวมถึงพล็อตหนังที่ค่อนข้างจะแฟนตาซี มีความกาว แบบก้าวกระโจนจากภาคแรกมากมาย (อันนี้ชม) เหมือนเขียนบทมาเพื่อเอาใจผู้ชมทั่วๆไป ให้สามารถเข้าถึงรวมทั้งบันเทิงใจไปกับฉากแอคชั่นต่างๆได้ไม่ยากไม่ต้องมีบทที่สลับซับซ้อน ซึ่งพอตัวหนังมันเปลี่ยนโทนมาเป็นแนวนี้ จึงทำให้มีส่วนที่เกลียดชังมันก็คือ พาร์ทมนุษย์ โดยยิ่งไปกว่านั้นเส้นเรื่องของ แมดดี้ แมดิสัน นักแสดงหลักจากภาคก่อน ซึ่งเหมือนตัวบทอุตสาหะใส่น้องเข้ามาเพื่อหนังมีคาแรคเตอร์นักแสดงเดิมจากหนังภาคก่อน มาปรากฎตัวสร้างความสัมพันธ์ แต่ว่าบทของตัวละครนี้ เรียกได้ว่าแทบไร้สาระใดๆต่อเส้นเรื่องเลยก็ว่าได้ ค่อนข้างน่าผิดหวังในส่วนนี้ นี่เป็นหนัง แคนดิท ที่ไม่มีบทไร้การคาดการณ์เพราะ พี่เปิ้ลแล้วก็ทีมงานได้ตั้งโปรเจ็คขึ้นมาเพื่อจะแกงครึ่งหนึ่งสอนน้องๆไอดอลคนใหม่อย่างวง CGM48 วงน้องสาวของ BNK ซึ่งจะแกล้งจะแกงธรรมดาก็บางทีอาจจะไม่มันส์เท่าไร เลยต้องดึงแขกรับเชิญตัวท็อปของแวดวงได้แก่ น้าเน็ก, แจ็คแฟนฉัน, ตัด กันตถาวร และกลุ่มยังโอม มาช่วยเพิ่มสีสัน แถมมีเกี่ยวข้องช่วยแกง และก็โดนแกงไปกับเขาด้วยเหมือนกัน สำหรับตัวหนังต้องบอกก่อนเลยกล่าวถึงหน้าหนังที่เขาขายเป็นความแคนดิทแต่ว่าเพียงพอเข้าไปจริงๆคุณจะพบว่ามันให้น้ำหนักให้สัดส่วนไปกับการเป็นสารคดีที่เล่าเบื้องหน้าเบื้องหลังชีวิตไอดอลมากกว่า อันนี้จะต้องกล่าวถึงมากล่าวถึงสิ่งแรกเพราะเหตุว่ามันอาจทำให้คนจำนวนไม่น้อย ไม่สิทุกคนที่ตั้งท่าเข้ามามองความเป็นหนังแบบจุ้นจ้านน่าจะมีช็อครวมทั้งตกใจกันมากๆซึ่งนอกจาก genre หนังมันจะผิดไปจากที่คิดแล้วมันยังกระทบถึงความไม่สุดสำหรับเพื่อการแกล้งสำหรับการแกงด้วย แล้วมันน่าเสียดายมากมายเนื่องจากหนังดึงแขกรับเชิญตัวจี๊ดๆของแวดวงมาทั้งนั้น แถมแนวความคิด ไอเดียตั้งต้นมันยังน่าดึงดูด แต่เพียงพอจำต้องซอฟต์ลง จำต้องอะไรลงทำให้การแกล้งมันไม่สนุกอย่างที่พวกเราคาดหวังกันไว้แม้แต่นิดเดียว ทั้งความต่อเนื่องของเรื่องราวมันยังขาดไปเยอะแยะ ทำให้ภาพรวมของหนังถ้าหากคุณมิได้อินไอดอล มันยิ่งแห้งแล้วก็ดูตัดขาดผู้ชมไปหน่อย แต่ถ้าคุณเป็นแฟนคลับน้องๆวงไอดอลโดยเฉพาะอย่างยิ่ง CGM หรือ BNK นี่เป็นหนังสารคดีที่เอ๋ยถึงตั้งแต่ตอนเริ่มตั้งไข่ของวงน้องสาวมาจนถึงการเจริญเติบโต ซึ่งคงจะตอบโจทย์กับผู้ที่ถูกใจน้องๆเลย คือถ้าหากว่าเค้าขายให้ออกมาในลักษณะของหนังไอดอลมันบางทีอาจจะโอเคกว่าเดิมมากมาย ด้วยเหตุว่าหากมองดูมุมนี้นี่ก็เป็นหนังสารคดี CGM ที่มีสีสันดูเพลิดเพลินใช้ได้ แต่พอเพียงมันออกมาหน้านี้เลยน่าผิดหวังพอควร อย่างที่บอกว่าโชคร้ายมากมายจริงๆด้วยความที่มันอยู่กึ่งกลางของทุกสิ่ง ทั้งปวงทั้งสิ้นมันเลยไปสุดไม่ได้ เอามันส์สุดขำสุดมิได้ มั่นใจว่าผู้คนจำนวนมากก็คงจะมีความคิดว่าตนเองกำลังถูกแกงแทนไม่มากก็น้อยเพราะฉะนั้นคนใดมุ่งมาดว่าจะเข้าไปขำ เข้าไปมองคนโดนแกล้งแบบชนิดที่ว่าบางทีอาจจะโกรธเกลียดกันจริงๆอาจต้องลดความคาดหวังไปหลายเท่าเลย แม้กระนั้นถ้าคุณเป็นคนที่รักและก็ต้องการส่งเสริมน้องๆไอดอลที่คุณชอบพอ ห้าวเป้งจ๋า…อย่าแกงน้องน่าจะเป็นหนังที่คุณควรจะไปดูอย่างน้อยสักหนึ่งครั้งนึงขอรับ

สิ่งที่แวมไพร์ในหัวข้อนี้ราวกับซอมบี้ก็คือการรับเชื้อในเหมือนกัน

แค่โดนกัด หรือเพียงแค่รอยแผลถากๆก็สามารถติดเชื้อโรคแปลงเป็นแวมไพร์ได้ในทันทีทันใด ซึ่งก็รู้เรื่องได้ว่าแนวหนังซอมบี้มันทรงอิทธิพลมากในขณะนี้ การที่ปรับให้แวมไพร์ติดโรคกันในทันทีแบบนี้มันมองลุ้นระทึกกว่า แล้วก็ยังคิดว่าหนังหัวข้อนี้เป็นแถวกึ่งๆซอมบี้ก็ยังได้ แถมยังน่ากลัวกว่าด้วยที่แวมไพร์รวดเร็วทันใจว่อง แกร่งกว่าซอมบี้มาก แม้กระนั้นหนังก็มิได้ทำให้นางเอกดูเป็นอมตะไล่ฆ่าพวกขโมยได้อย่างไม่ยากเย็นโดยใส่ข้อบกพร่องหัวข้อการใช้เลือดเพิ่มพลังเอาไว้ว่าต้องหาเลือดรับประทานเป็นช่วงๆหากเจ็บก็อ่อนกำลังลงโดยทันที ต้องหาเลือดมากินใหม่เพื่อฟื้นฟูร่างกาย รวมถึงตัวนางเอกก็จะต้องมียาช่วยคุมอารมณ์หรือปรับภาวะในช่วงเวลาที่เป็นแวมไพร์ด้วย (ยา Cytarabine ไว้รักษาโรคมะเร็งกระทันหัน) ไม่งั้นก็จะเปลี่ยนเป็นแวมไพร์สมบูรณ์แบบที่ไล่ฆ่าคนไม่เลือก จำลูกตัวเองมิได้ แปลงเป็นหายนะยิ่งกว่าโจรเข้าไปอีก และก็ตัวเรื่องก็ยังเอาการติดเชื้อที่ตรงนี้ไปใส่ไว้กับพวกโจรด้วย ทำให้ช่วงหลังของเรื่องเป็นการปะทะกันของแวมไพร์ที่พึ่งกลายร่างสดๆมาไล่ฆ่านางเอกกับลูก และมีเป็นฝูงในส่วนท้ายเรื่องที่ใกล้เคียงแนวหนังซอมบี้มากขึ้นไปอีก โดยหนังใช้ทุกส่วนของเครื่องบินทั้งลำเป็นฉากสยองขวัญในที่จำกัดได้อย่างคุ้มมาก ผมกลับมารีวิวหนังละหลังจากที่ห่างไปครู่หนึ่งระยะนี้ไม่ค่อยว่างครับ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกอนาคตดิสโทเปีย สังคมตกอยู่ในสภาวะสงคราม และได้เกิดเชื้อโรคแปลกประหลาดทำลายสิ่งมีชีวิตผู้หญิงจนหมดไป ส่วนผู้ชายทุกคนที่เหลืออยู่จะเกิดอาการอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถควบคุมตัวได้ ดู Blood Red Sky 2021 ทุกความนึกคิดในหัวมันจะถูกถ่ายถอดออกมาเป็นภาพ หรือที่พวกเขาเรียกมันว่า “เสียงคิด” กระทั่งวันหนึ่งเวลาที่ “ทอดด์ ฮิววิตต์” (ทอม ฮอลแลนด์) เริ่มเดินทางพร้อมทั้งหมาตัวโปรด ได้บังเอิญพบกับ “วิโอล่า” (เดซี่ ริดลีย์) หญิงคนแรกในชีวิต สิ่งที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้พบ สถานะการณ์นี้นำไปสู่เรื่องราวที่การผจญภัย ค้นหาคำตอบสุดลึกลับ เพื่อสกัดกั้นภัยร้ายครั้งสำคัญที่กำลังจะมาถึง! จุดเด่น/จุดอ่อน 1.เป็นหนังที่ดำเสนอเรื่องราวที่เเปลกใหม่เเละไม่เหมืยนที่หนังเรื่องไหนเคยทำ 2.หนังได้ใช้พลังด้านความคิด ที่คิดอะไรจะเห็นแบบงั้นเจริญขอรับ ใส่มาเยอะจนถึงสนุกสนาน ทำให้หนังไม่เบื่อ ทอมฮอลแลนด์ เเสดงก้าวหน้ามากเขากับหน้าที่ได้ดิบได้ดีจริงๆข้อบกพร่อง 1.หนังเล่าเรื่องได้รวดเร็วสำหรับหนังที่เเต่มาจากนิยาย มันไม่เหมาะะนะครับควรเล่าอย่างละเอียดกว่านี้ ด้วยเหตุว่า ในหนังเราเเทบไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆอย่างน้อง ซัก 2ชั่วโมง10กำลังดี 2.ผมปวดศรีษะกลับการตัดตต่อหนังหัวข้อนี้ ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ เเต่มันรู้สึกเเปลกๆ 3.หนังตัดไปหลายส่วนจนถึงทำให้หลายฉากที่หน้าจะเล่าได้ยาวกว่านี้จู่ๆก็ตัดไป ทำให้อารมณ์ในเรื่่องๆก็หายไปเฉยๆเเละหนังมิได้เล่าฉากที่เอาออกไปทำให้ไม่เคยทราบว่าต่อมากำเนิดไรขึ้นพอเพียงมาอีกครั้งเป็นเเบบนี้เเล้วหรอเเบบงง ทำให้มีความรู้สึกไม่ตลอด 4.สิ่งที่ผมไม่ชอบสุดๆคือ อสูรกายในเรื่อง ที่มีความคิดว่าหน้าจะเด่นเเละมีไรให้มากยิ่งกว่านี้กลับ มาให้มองเห็น2ฉากเเละหายไปเฉยๆ 5.การเฉยๆปมในเรื่องที่มันดูง่ายเกินไปหมด ไม่สมกับที่รอคอย

รวมทั้งที่จำเป็นต้องชมมากเป็นหนังสยองขวัญหัวข้อนี้ไม่มีนักแสดงอ่อนเหตุผลหรือไร้ผลดีกับเรื่องเลย

ทุกตัวละครที่วางมามีเหตุมีผลกับเรื่องทั้งปวง เด็กในเรื่องก็เป็นตัวเอกที่ไม่ได้เป็นภาระหน้าที่ของเรื่อง เป็นตัวเอกจริงๆที่มีบทบาทสำหรับในการปรับปรุงเหตุการณ์ได้ แม้กระนั้นเลือกยึดติดช่วยแม่มากยิ่งกว่าอันอื่น (ตรงกันข้ามกับแม่ที่ทำทุกๆอย่างเพื่อลูกไม่สนใจคนอื่นๆด้วยเหมือนกัน) โดยมีคนอิสลามมาเป็นตัวเอกอีกคนที่สำคัญกับเรื่องในแง่ภาพลักษณ์ติดลบที่ถูกเห็นว่ามิจฉาชีพก่อให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงมักเป็นอิสลามไว้ก่อน โจรเองก็มีตัวร้ายโรคจิตที่เฉลี่ยวฉลาดสูสีประมือกับนางเอกได้ ผู้แสดงผู้โดยสารในตอนวิกฤตอย่างนิสิตการบินที่มาขับเรือบินแทน ก็มีเหตุผลแหล่งที่มาว่าไม่ใช่บังเอิญมาอยู่บนเครื่องได้แบบที่หนังเรื่องอื่นมักถูกใจใช้กัน แม้แต่ผู้แสดงแนวสติแตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ยังมีผลสำคัญกับเรื่องโดยไม่ได้ทำให้เกิดความรู้สึกน่าเบื่อหน่ายแม้แต่น้อย เรื่องแรก “มันอยู่ในรถ” บอกเล่าเรื่องราวของนักธุรกิจคนหนึ่งที่จำต้องเจอกับเรื่องราวแปลกเมื่อเขาเรียกแท็กซี่กลับไปอยู่บ้านนี่เกิดเรื่องที่น่าเบื่อที่สุดใน 3 เรื่อง จังหวะการเล่า แนวทางสำหรับการนำเสนอ หรือจังหวะผีก็ไม่ได้น่าสนใจเลยแม้กระทั้งจุดเดียว เรื่องราวมันคาดเดาง่ายมาก และหัวข้อนี้ไม่มีอะไรเลยจริงๆทางด้านดาราหนังในเรื่องนี้อย่าง เป้-ป้องกัน ก็มิได้มีบทอะไรที่เด่น และก็เหมือนจะเล่นใหญ่ไปด้วยเรื่องที่สอง “ไปผุดไปกำเนิด”ประเด็นนี้บอกกล่าวเกี่ยวกับหญิงสาวที่เห็นผี เธอได้ถูกเจ้าของบังกะโลแห่งหนึ่งจ้างให้ไปไล่ผีไปผุดไปเกิดจะได้เปิดบังกะโลใหม่ แต่เรื่องราวมันไม่ง่ายอย่างนั้นในเวลานี้ถือว่าเปิดเรื่องได้น่าสนใจ กึ่งกลางก็ทำเป็นไม่เลว แม้กระนั้นตอนสุดท้ายนี่แบบอิหยังวะ กล้วยๆอย่างงี้เลย แล้วก็มองรวดรัดตัดจบเร็วเกินไป ส่วนทางด้านนักแสดงอย่าง ปราง จัดว่าทำได้ดียิ่งกว่าที่คิด บางครั้งก็อาจจะไม่ว้าวมาก แต่ว่าอยู่ในระดับที่สอบได้ ที่สำคัญคุณงามจริงๆเรื่องที่สาม “ใบลาน”เรื่องราวของผู้เขียนที่เดินทางมาเก็บตัวที่บ้านพักแห่งหนึ่ง แต่ว่าทำยังไงก็คิดงานไม่ออก จนได้เจอกับใบลาน พอเขาได้เริ่มเขียนลงบนนั้น เขากลับคิดงานออก แต่ว่ามันมากับเรื่องราวแปลกๆที่เขาไม่คาดคิดอีกหนึ่งในขณะที่น่าสนใจ เปิดเรื่องน่าสนใจมากมายๆคอนเซ็ปท์ยังน่าติดตาม มีการเซ็ทสถานที่ปูเรื่องราวให้พวกเราเตรียมรับรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเจริญ แม้กระนั้นจังหวะสำหรับเพื่อการเล่าบางช่วงก็เสมือนดูรวบรัดไปเสียหน่อย แนวคิดเรื่องใบลานเยี่ยมนะ ถ้าเอามาขยี้ให้หนักมันจะเป็นเรื่องนึงที่มีแนวคิดที่น่ากลัวเลยแหละ ดาราอย่างหมาก-ปริญ เราว่าเขาแสดงดีนะ แต่ด้วยบทที่ไม่ส่งสักเท่าไหร่ ในรูปภาพรวมเบ็ดเสร็จมันเลยมองน่าเสียดายและทั้งยัง 3 เรื่องที่เล่ามาทุกตอนมันต้องมีคติสอนใจ แทรกสอดแนวความคิดสำหรับการดำเนินชีวิตแบบ…ไม่ต้องก็ได้มั้ย อารมณ์เสมือนดูฟ้ามีตาฉบับหนังอย่างไรยังงั้นในรูปภาพรวมของ เรื่อง ผี เล่า มันเลยกลายเป็นว่าปราศจากความน่าสะพรึงกลัวจากผีเลยสักนิด เนื้อเรื่องก็มิได้น่าสนใจมากพอ เสมือนจะดี แต่ว่าดันออกมาน่าเสียดาย และมันก็ยังไม่น่าติดตามมากพอสักเท่าไหร่ สรุป…นี่เป็นเรื่องผีที่เทียบราวกับนิทานกล่อมนอน จุดอ่อนของเรื่องก็อาจจะเป็นที่เรื่องเลือกเอาตอนใกล้จบเครื่องลงจอดแล้วมาเป็นจุดเริ่มต้นเรื่อง ซึ่งในด้านการเล่าเรื่องย้อนกลับมันก็ทำให้ผู้ชมได้เห็นจุดระทึกสุดท้ายนำมาก่อนแล้วค่อยย้อนไปดูต้นสายปลายเหตุ บางครั้งก็อาจจะมองว่าดีก็ได้ แต่ว่าเห็นว่าไม่ดีก็ได้ด้วยเหมือนกัน เพราะว่าเมื่อเรื่องเลือกเปิดเผยเลยว่าใครกันแน่เป็นคนรอดชีวิตส่วนท้ายตั้งแต่ทีแรก ทำให้กลางทางไม่มีลุ้นกับการถึงแก่กรรมของตัวละครหลักไปในทันทีอีกจุดก็คือเมื่อตัวเรื่องเลือกเป็นแถวสยองขวัญผสมดราม่าแม่ลูก ในซีนดราม่าที่แม่ต้องแสดงอารมณ์ความรู้สึกผ่านการแมคอัพหน้าตาเป็นแวมไพร์มันเลยดูอินยากกว่าธรรมดา เนื่องจากแวมไพร์ในเรื่องก็ออกแนวสัตว์ประหลาดไปเลย คือหัวโล้น หูแหลม มีเขี้ยวแตกออก ไม่ใช่แวมไพร์แบบเค้าหน้าเสมือนมนุษย์แบบที่หลายเรื่องใช้กัน แต่ไม่ใช่ศิลปินแสดงไม่ดี (ดาราหนังที่สวมบทบาทชื่อ Peri Baumeister ) แต่มันไม่อาจจะทำเป็นอย่างนั้นเว้นแต่ใช้อิริยาบถการแสดงออกเป็นหลัก พูดน้อยด้วยเนื่องจากว่ากลายร่างแล้วไม่มีสติบ่อยครั้ง ซึ่งที่ตรงนี้ก็จัดว่าตัวเรื่องกับนักแสดงพยายามสูงที่สุดแล้ว แม้กระนั้นดีที่ผู้แสดงเด็กส่งอารมณ์กลับมาเจริญ ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความข้องเกี่ยวอันแน่นแฟ้นนี้อยู่ (ในเรื่องลูกรู้อยู่แล้วว่าแม่เป็นแวมไพร์รวมทั้งบากบั่นหาทางช่วยกับบอกคนอื่นๆเพื่อคุ้มครองป้องกันแม่)นี่เป็นหนัง Original Netflix ที่โครงเรื่องที่เยี่ยม และใช้ทั้งงบแล้วก็พื้นที่จำกัดได้อย่างคุ้มมากมายจริงๆจนถึงคงจะช่วยลบคำปรามาสว่าหนัง Netflix ทำเองมักแย่ลงได้เรื่องหนึ่งเลยล่ะ ซึ่งจริงๆผู้เขียนรู้สึกว่าเน็ตฟลิกทำหนังทุนน้อยได้ตามระดับของมันมากยิ่งกว่าดีบ้างห่วยบ้างปนกัน เฉลี่ยจริงๆก็เท่ากับหนังโรงที่ผิดหวังก็มากมาย แต่ว่าบางครั้งอาจจะไม่ได้เข้าไทยให้ดูกันแค่นั้น (มาลงเน็ตฟลิกซ์ก็หลายเรื่อง) แต่ว่าประเด็นนี้ทุนน้อยกลับทำได้มากเกินคาดจนมองเป็นหนังลงโรงขายทั่วทั้งโลกเลยก็ยังได้ครับผม ซึ่งก็นับว่าคุ้มกับการรับชมมากมายนะครับ กลับสู่หน้าหลัก https://printcalendartemplates.com/